บทความวิชาการ เดือนพฤศจิกายน 2568
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (มะเร็งปากมดลูก…รู้ทัน ป้องกันได้!)
นพ.ชัยณรงค์ ศิลปษา
ผศ.พญ.ณัฐชา พูลเจริญ
หน่วยมะเร็งนรีเวช ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer Screening)
มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ในสตรี โดยทั่วไปโรคจะมีการดำเนินค่อนข้างช้า เริ่มจากการเกิดความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก สาเหตุสำคัญส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) เป็นระยะเวลานาน (Persistent infection) โดยการติดเชื้อ HPV ที่คงอยู่เป็นเวลาหลายปี สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุปากมดลูก หรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งของปากมดลูก (Cervical Intraepithelial Neoplasia) ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนาเป็นมะเร็งได้
แม้มะเร็งปากมดลูกจะสามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งที่สำคัญในสตรีทั่วโลก วิธีป้องกันหลักมีสองประการ ได้แก่ การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV และการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การฉีดวัคซีน HPV ก่อนมีการสัมผัสเชื้อสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มากถึง 90% ส่วนการคัดกรองช่วยตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง และสามารถให้การรักษาได้ทันเวลา เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา จึงมีช่วงเวลาพอและเหมาะสมที่สามารถตรวจพบและป้องกันได้ ดังนั้นการคัดกรองเป็นประจำจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แม้ในผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่ปรากฏอาการผิดปกติใด ๆ
สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกคืออะไร?
มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยมาก และส่วนใหญ่จะติดเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ โดยทั่วไปการติดเชื้อจะหายได้เอง แต่หากการติดเชื้อคงอยู่เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกและนำไปสู่มะเร็งในที่สุด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างช้า การคัดกรองเป็นประจำจึงช่วยตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็ง
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกคืออะไร
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูก หรือ ตรวจเพื่อค้นหาการติดเชื้อไวรัส HPV จุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อวินิจฉัยมะเร็ง แต่เพื่อค้นหาความผิดปกติในระยะก่อนมะเร็งเพื่อให้รักษาได้ทันก่อนเป็นมะเร็ง
วิธีคัดกรองหลักๆมี 3 วิธี ได้แก่
-
การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear / cervical cytology)
ตรวจเซลล์ปากมดลูกด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาความผิดปกติ -
การตรวจหาไวรัส HPV (HPV testing)
ตรวจหาชนิดของ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อมะเร็ง -
การตรวจ Co-testing
ทำ Pap smear และ HPV test ควบคู่กัน มักใช้ในสตรีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ควรเริ่มตรวจเมื่อใด และตรวจบ่อยแค่ไหน
-
อายุต่ำกว่า 21 ปี: ไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองในกลุ่มประชากรปกติ
-
อายุ 21–29 ปี: ตรวจ Pap smear ทุก 2 ปี
-
อายุ 30–65 ปี:
-
-
Pap smear ทุก 2 ปี หรือ
-
HPV testing ทุก 5 ปี หรือ
-
Co-testing ทุก 5 ปี
-
-
อายุมากกว่า 65 ปี: สามารถหยุดคัดกรองได้ หากได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลตรวจใน 10 ปีที่ผ่านมาเป็นปกติ และไม่มีประวัติความผิดปกติรุนแรง
-
ผู้ที่เคยผ่าตัดมดลูกพร้อมปากมดลูกออก: ไม่ต้องตรวจ หากไม่มีประวัติมะเร็งหรือรอยโรคก่อนมะเร็ง
-
ผู้ที่ได้รับวัคซีน HPV ยังต้องตรวจคัดกรอง เนื่องจากวัคซีนไม่ได้ป้องกัน HPV ทุกชนิด
หากผลตรวจผิดปกติจะเป็นอย่างไร?
ผลคัดกรองผิดปกติ ไม่ได้หมายความว่าเป็นมะเร็ง แต่แสดงว่ามีความผิดปกติของเซลล์ หรือตรวจพบไวรัส HPV
แพทย์อาจแนะนำดังนี้:
-
ความผิดปกติเล็กน้อยในบางกรณี สามารถตรวจติดตามได้
-
ส่งตรวจคอลโปสโคปี (Colposcopy): การตรวจปากมดลูกอย่างละเอียดด้วยกล้องขยายพิเศษ
-
ตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): นำชิ้นเนื้อขนาดเล็กมาตรวจ เพื่อยืนยันว่ามีรอยโรคก่อนมะเร็ง (CIN – Cervical Intraepithelial Neoplasia) หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปมักทำพร้อมกับการตรวจคอลโปสโคปี
-
การรักษา: หากจำเป็น แพทย์จะกำจัดเซลล์ผิดปกติด้วยวิธีง่ายและปลอดภัย เช่น
-
การจี้เย็น (cryotherapy)
-
การจี้ด้วยความร้อน (thermal ablation)
-
การตัดด้วยห่วงไฟฟ้า (LEEP – Loop Electrosurgical Excision Procedure)
วิธีเหล่านี้ทำได้รวดเร็ว ปลอดภัย และได้ผลดี
-
การตรวจ HPV ด้วยตนเอง (Self-Collection HPV Testing)
สตรีจำนวนมากรู้สึกไม่สบายใจในการตรวจ Pap smear ที่จำเป็นร่วมกับการตรวจภายใน ปัจจุบันหลายประเทศสนับสนุนการเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (self-collection) โดยใช้ไม้เก็บตัวอย่างสอดเข้าไปในช่องคลอด จากนั้นนำไม้เก็บตัวอย่างนั้นไปจุ่มลงในน้ำยาทันทีและปิดฝาให้สนิทเพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการ ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้านหรือที่คลินิก งานวิจัยยืนยันว่ามีความปลอดภัย แม่นยำ และเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะในสตรีที่ไม่ค่อยได้เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
สาระสำคัญ (Key Messages)
-
มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ
-
การคัดกรองช่วยตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนเป็นมะเร็ง
-
มีวิธีตรวจที่ง่าย ปลอดภัย และได้ผล เช่น Pap smear หรือ HPV testing หรือ Co-testing
-
ควรปฏิบัติตามแนวทางการคัดกรองตามช่วงอายุ แม้ไม่มีอาการผิดปกติ
-
การตรวจคัดกรองด้วยตนเอง (self-collection) เป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวกและสบายขึ้น
-
การคัดกรองช่วยลดการเสียชีวิต และช่วยให้มีสุขภาพดีในระยะยาว