|

บทความวิชาการ เดือนมีนาคม 2568

พ.ญ. กมัยธร เทียนทอง
กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี

การตรวจส่องกล้องปากมดลูก: เครื่องมือวินิจฉัยสำคัญในมะเร็งนรีเวช

          การตรวจส่องกล้องปากมดลูก (Colposcopy) เป็นหัตถการทางวินิจฉัยที่ใช้กล้องขยายกำลังสูงพร้อมแสงส่องสว่างในการตรวจประเมินปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด และทวารหนัก วัตถุประสงค์หลักคือการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก่อนเป็นมะเร็งและมะเร็งในระยะเริ่มต้นเพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที การตรวจส่องกล้องช่วยให้แพทย์สามารถระบุความผิดปกติของเยื่อบุผิวได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (biopsy) และช่วยให้การวินิจฉัยมีความถูกต้องมากขึ้น

ข้อบ่งชี้ในการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
  1. การประเมินผลผิดปกติจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เช่น ผลจาก Pap smear และ/หรือ HPV test รวมถึงกรณีที่ตรวจพบลักษณะผิดปกติของปากมดลูก ช่องคลอด หรือปากช่องคลอดด้วยตาเปล่า
  2. ใช้เพื่อประเมินขณะรักษาว่าการรักษาโดยการตัดรอยโรคเป็นไปอย่างสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงตรวจหาบริเวณที่มีรอยโรคหลงเหลืออยู่ และเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำของโรค

ขั้นตอนการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
  1.การตรวจซ้ำด้วย Pap smear และ/หรือ HPV test (ถ้ามีข้อบ่งชี้)
  2.การตรวจด้วยตาเปล่า (Gross Examination)
          แพทย์จะตรวจประเมินปากช่องคลอด ช่องคลอด และปากมดลูกโดยใช้แสงสว่างจากกล้อง โดยไม่ต้องใช้สารละลายทา เพื่อประเมินลักษณะที่ผิดปกติ เช่น แผล, พื้นผิวปากมดลูกที่ไม่เรียบ, รอยขาวผิดปกติ, ก้อนเนื้อที่นูนออกมา หากพบความผิดปกติควรทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
  3.การตรวจส่องกล้องปากมดลูกและส่วนบนของช่องคลอด
          3.1 การใช้กรดอะซิติก (Acetic acid application)  เริ่มต้นด้วยการตรวจปากมดลูกโดยไม่ใช้สารละลายก่อน จากนั้นใช้กรดอะซิติก 3–5% ทาบริเวณปากมดลูก หลังจาก 30–60 วินาทีกรดอะซิติกจะทำให้เซลล์สูญเสียน้ำส่งผลให้เซลล์เยื่อบุผิวที่มีนิวเคลียสขนาดใหญ่หรือหนาแน่น (เช่น เซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางผิดปกติหรือเซลล์ที่ติดเชื้อ HPV) เปลี่ยนเป็นสีขาวเรียกว่า acetowhite change ในขณะที่เส้นเลือดและเซลล์เยื่อบุคอลัมนาของปากมดลูกจะไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว แต่สามารถมองเห็นได้ชัดขึ้น ผลของกรดอะซิติกจะจางลงภายใน 3 นาที จึงอาจต้องทาซ้ำหากจำเป็น
          3.2 การใช้ฟิลเตอร์สีเขียว (Green filter use)  ฟิลเตอร์สีเขียว ช่วยให้มองเห็นโครงสร้างของหลอดเลือดผิดปกติได้ชัดขึ้น โดยเส้นเลือดจะมีสีเข้มกว่าส่วนเยื่อบุรอบข้าง ทำให้สามารถแยกความผิดปกติของเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น
          3.3 การใช้สารละลาย Lugol (Lugol’s iodine solution)  หากไม่พบรอยโรคหลังจากใช้กรดอะซิติก อาจใช้สารละลาย Lugol เพื่อช่วยตรวจหาความผิดปกติ เซลล์เยื่อบุผิวที่มีไกลโคเจน (glycogen-containing squamous cells) จะดูดซับไอโอดีนและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ในขณะที่เซลล์ที่ไม่มีไกลโคเจน เช่น รอยโรคระดับสูง (high-grade lesions) จะไม่ติดสีและยังคงเป็นสีเหลืองอ่อน จึงสามารถช่วยแยกบริเวณที่ผิดปกติออกจากเนื้อเยื่อปกติได้
          3.4 การตรวจช่องคลอดส่วนบน  หลังตรวจปากมดลูกแล้ว ควรตรวจบริเวณ 1 ใน 3 ส่วนบนของช่องคลอด โดยเฉพาะบริเวณ lateral fornices ซึ่งเป็นจุดที่ transformation zone (TZ) และ squamocolumnar junction (SCJ) อาจขยายเข้าไปได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่อายุน้อย ความผิดปกติที่อาจพบ ได้แก่ เนื้อเยื่อบุผิวผิดปกติ, ติ่งเนื้อ, ถุงน้ำ, ความผิดปกติที่เกิดจาก Diethylstilbestrol (DES), หูดที่อวัยวะเพศ และรอยโรคที่อาจเป็นมะเร็งระยะก่อนลุกลามหรือมะเร็งลุกลาม 
  4.การตัดชิ้นเนื้อบริเวณปากมดลูก ช่องคลอด และ/หรือเก็บตัวอย่างจากด้านในคอมดลูก (Endocervical canal)
          ตามแนวทางของ American Society for Colposcopy and Cervical Pathology (ASCCP) แนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) ในจุดที่พบ acetowhite change โดยควรเก็บตัวอย่าง อย่างน้อย 2–4 ตำแหน่ง เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำ หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่ำต่อมะเร็งปากมดลูก (เช่น มีผลเซลล์ปากมดลูกต่ำกว่าหรือเท่ากับ LSIL และไม่พบการติดเชื้อ HPV 16/18) ไม่แนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อแบบสุ่ม (random biopsy) หากการส่องกล้องไม่พบรอยโรคที่ผิดปกติ
  5.บันทึกเวชระเบียน

ภาวะแทรกซ้อนจากการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
          การตรวจส่องกล้องปากมดลูกเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น จากการตัดชิ้นเนื้อได้แก่ เลือดออกและการติดเชื้อจากตำแหน่งที่ตัดชิ้นเนื้อ

เอกสารอ้างอิง
     1.Pierce JG Jr, Bright S. Performance of a colposcopic examination, a loop electrosurgical procedure, and cryotherapy of the cervix. Obstet Gynecol Clin North Am 2013; 40:731.
     2.Wentzensen N, Massad LS, Mayeaux EJ Jr, et al. Evidence-Based Consensus Recommendations for Colposcopy Practice for Cervical Cancer Prevention in the United States. J Low Genit Tract Dis 2017; 21:216.
     3.MacLean AB. Acetowhite epithelium. Gynecol Oncol 2004; 95:691.
     4.Marina OC, Sanders CK, Mourant JR. Effects of acetic acid on light scattering from cells. J Biomed Opt 2012; 17:085002.
     5.Hilal Z, Tempfer CB, Burgard L, et al. How long is too long? Application of acetic acid during colposcopy: a prospective study. Am J Obstet Gynecol 2020; 223:101.e1.
      6.Perkins RB, Guido RS, Castle PE, et al. 2019 ASCCP Risk-Based Management Consensus Guidelines for Abnormal Cervical Cancer Screening Tests and Cancer Precursors. J Low Genit Tract Dis 2020; 24:102.

Similar Posts