|

บทความวิชาการ เดือนกรกฎาคม 2568

HPV ไม่เลือกเพศ: ทำไมผู้ชายควรใส่ใจ?

นพ.ณัฐพงศ์ เสริมสุขเจริญชัย
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

          เชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา (Human Papillomavirus: HPV) เป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดในระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์ทั้งเพศหญิงและชาย โดยติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสทางผิวหนังระหว่างอวัยวะเพศ(1) เชื้อไวรัส HPV มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ โดยจำแนกเป็นสายพันธุ์เสี่ยงต่ำ (Low-Risk HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ (anogenital warts) และสายพันธุ์เสี่ยงสูง (High-Risk HPV, HR-HPV) ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิด ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งองคชาติ มะเร็งในช่องปากและลำคอ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด และมะเร็งทวารหนักบางชนิด(2) แม้ว่าการให้ความสนใจเกี่ยวกับเชื้อ HPV ในอดีตจะเน้นในกลุ่มเพศหญิง แต่หลักฐานทางระบาดวิทยาและชีวการแพทย์ที่มีการศึกษามากขึ้นในกลุ่มเพศชายดังต่อไปนี้ จะนำมาซึ่งการให้ความสนใจและส่งเสริมการป้องกันเกี่ยวกับเชื้อ HPV ในกลุ่มผู้ชาย

  1. ความชุกของการติดเชื้อ HPV ค่อนข้างสูงและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย มีข้อมูลแสดงให้เห็นว่า คนที่มีเพศสัมพันธ์เกือบทั้งหมดจะเคยติดเชื้อ HPV อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และบางคนอาจมีการติดเชื้อซ้ำ แม้ว่าการติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ(3) ทำให้ไม่รู้ตัวว่าเป็นพาหะ จึงมีโอกาสแพร่เชื้อไปยังคู่นอนได้โดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าการติดเชื้อ HPV ในเพศชายจะได้รับการศึกษาในระดับที่น้อยกว่าในเพศหญิง แต่มีการประเมินว่า ความชุกของ HPV ในผู้ชายทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 30% โดยมีช่วงอายุที่พบการติดเชื้อสูงสุดระหว่าง 25–29 ปี และมีอัตราการติดเชื้อ HR-HPV อยู่ที่ 21% โดยกลุ่มที่เสี่ยงสูงได้แก่ กลุ่มชายที่มีคู่นอนหลายคน ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่ติดเชื้อ HIV(1)

  2. HPV ทำให้เกิดโรคในผู้ชายได้โดยตรง เชื้อ HPV ไม่ได้ทำให้เกิดโรคเฉพาะในผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคในผู้ชาย เช่น หูดที่อวัยวะเพศ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและคอหอย และมะเร็งองคชาต การติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่รุนแรง (high-risk types) ในระยะยาว (persistent infection) ก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยมีการประมาณว่า 5-5% ของมะเร็งทั้งหมดทั่วโลกมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ HPV(4) จากการศึกษาของ Kwan และคณะ(5) ได้ชี้ให้เห็นถึงภาระโรคจาก HPV ที่ยังถูกละเลย โดยเฉพาะ มะเร็งช่องปากและคอหอยส่วนกลาง (oropharyngeal carcinoma) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศพัฒนาแล้ว และพบในผู้ชายวัยกลางคนมากกว่าผู้หญิงถึง 5 เท่า มีการคาดการณ์ว่าภายใน 4 ปี อุบัติการณ์ของมะเร็งชนิดนี้จะมากกว่ามะเร็งปากมดลูกในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง oropharyngeal carcinoma ยังไม่มีวิธีคัดกรองโรคที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การป้องกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

  3. ผู้ชายเป็นพาหะในการแพร่เชื้อ HPV ต่อไปยังผู้อื่น เชื้อ HPV สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ ช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่บริเวณที่ไม่ได้ถูกปกป้องด้วยถุงยางอนามัย การติดเชื้อมักเกิดขึ้นตั้งแต่เพศสัมพันธ์ครั้งแรก และผู้ชายจำนวนมากสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีกแม้ไม่มีอาการใดๆ ปรากฏ นอกจากนี้ การติดเชื้อในผู้ชายมักยังไม่สามารถตรวจพบได้ง่ายเนื่องจากยังไม่มีการตรวจที่ได้มาตราฐานสำหรับเพศชาย(6) ทำให้ผู้ชายกลายเป็น “พาหะเงียบ” ที่อาจส่งต่อเชื้อ HPV ให้คู่นอนได้โดยไม่รู้ตัว

  4. การติดเชื้อ HPV ของเพศชายนำไปสู่การลดลงของภาวะเจริญพันธุ์ มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ความสมบูรณ์ของรูปร่างของอสุจิมีค่าต่ำกว่าและความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ติดเชื้อ HPV เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ติดเชื้อ นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างการติดเชื้อ HPV กับ ภาวะมีบุตรยากของคู่สมรส และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการสูญเสียการตั้งครรภ์ เช่น การเพิ่มอัตราการแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนดโดยธรรมชาติ(7,8)

          ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องการติดเชื้อ HPV โดยในประเทศไทยมีวัคซีน 2 ชนิดได้แก่ วัคซีน HPV แบบ 4 สายพันธุ์ (quadrivalent HPV vaccine; 4vHPV) และแบบ 9 สายพันธุ์ (9-valent HPV vaccine; 9vHPV) วัคซีน 4vHPV ครอบคลุมสายพันธุ์ HPV 6, 11, 16 และ 18 โดยสายพันธุ์ 6 และ 11 เป็นสาเหตุของหูดที่อวัยวะเพศ ในขณะที่สายพันธุ์ 16 และ 18 มีความสัมพันธ์กับมะเร็งที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การศึกษาทางคลินิกในเพศชายอายุ 16–26 ปี พบว่าวัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพประมาณ 90.4% ในการป้องกันรอยโรคที่อวัยวะเพศที่เกิดจากสายพันธุ์เป้าหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังไม่เคยติดเชื้อ HPV มาก่อน และสามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียง 100% (seroconversion) หลังการฉีดวัคซีนครบ โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการเฉพาะที่บริเวณฉีด เช่น ปวดหรือบวมชั่วคราว(9)

          วัคซีน 9vHPV เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 4vHPV โดยเพิ่มการป้องกันต่อสายพันธุ์ HPV 31, 33, 45, 52 และ 58 เข้ามา ทำให้สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อ HPV ได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยรวมแล้วสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งที่สัมพันธ์กับ HPV ได้ถึงประมาณ 90% งานวิจัยของ Petrosky และคณะ รวมถึงแนวทางของ CDC และ WHO พบว่าวัคซีน 9vHPV มีความปลอดภัยไม่ต่างจาก 4vHPV แต่ให้การป้องกันโรคได้ครอบคลุมกว่ามาก โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) ซึ่งมีอุบัติการณ์ของมะเร็งทวารหนักจากเชื้อ HPV สูงกว่าประชากรทั่วไป ในแง่ของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน 9vHPV ให้ระดับแอนติบอดีในเพศชายที่สูงใกล้เคียงกับวัคซีนรุ่นก่อน โดยยังคงมี seroconversion rate ใกล้เคียง 100% สำหรับทุกสายพันธุ์ที่รวมอยู่ในวัคซีน โดยผลข้างเคียงใกล้เคียงกับ 4vHPV ซึ่งโดยรวมถือว่าปลอดภัยสูง(10,11) อย่างไรก็ตาม การศึกษาผลของการได้รับวัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์โรคได้จริงในปัจจุบัน ยังคงอ้างอิงตัวชี้วัดทางอ้อม (surrogate indicators) เป็นหลัก เช่น อัตราการเกิดหูดหรือการตรวจพบเชื้อ HPV และต้องใช้ระยะเวลาในการติดตาม ข้อมูลจากหลายประเทศที่มีการให้วัคซีนในเพศชายอย่างครอบคลุม พบว่ามีอัตราการเกิดหูดหงอนไก่และมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV ลดลง(12,13) เป็นข้อพิสูจน์ถึงประโยชน์ของการป้องกันเชิงรุก

          WHO สนับสนุนการให้วัคซีนแบบครอบคลุมทั้งสองเพศ (Gender-Neutral Vaccination) (14) เพื่อเสริมการควบคุมโรคและลดการแพร่เชื้อในประชากร โดยแนะนำกลุ่มเป้าหมายหลักได้แก่กลุ่มเด็กชายอายุ 16–26 ปี และกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ HPV และโรคที่ตามมา

          ถึงแม้จะมีข้อมูลยืนยันทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน แต่ยังมีอุปสรรคในการส่งเสริมให้เพศชายรับวัคซีน เช่น ความไม่รู้สึกว่าตนเองมีความเสี่ยง ความเข้าใจผิดว่าวัคซีนมีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น หรือการขาดการสนับสนุนจากระบบสาธารณสุขในการให้วัคซีนฟรีแก่เด็กชายเหมือนเด็กหญิง ดังนั้นควรมีการดำเนินการเชิงนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ช่วยส่งเสริมการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ในเพศชาย ได้แก่ การให้ความรู้เชิงรุกแก่ประชาชน โดยเฉพาะในวัยเรียนและวัยรุ่นชาย การฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถอธิบายและให้คำปรึกษาเรื่อง HPV ได้อย่างถูกต้องโดยไม่เน้นเฉพาะเพศหญิง และการรณรงค์ผ่านสื่อให้มีการสื่อสารที่ครอบคลุมเพศชายด้วยภาพลักษณ์และเนื้อหาที่เหมาะสม(15)

          HPV ไม่เลือกเพศ และไม่เลือกคนติดเชื้อ ทุกคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถเป็นผู้ติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ ผู้ชายควรตระหนักถึงบทบาทของตนทั้งในฐานะผู้มีความเสี่ยงและพาหะของเชื้อ การส่งเสริมให้เพศชายได้รับวัคซีน HPV จึงเป็นการลงทุนทางสุขภาพที่คุ้มค่า ทั้งในระดับบุคคลและสาธารณสุข โดยเฉพาะในยุคที่ความเท่าเทียมทางเพศและการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงเป็นเป้าหมายร่วมของสังคมไทย

Reference

  1. Bruni L, Albero G, Rowley J, et al. Global and regional estimates of genital human papillomavirus prevalence among men: a systematic review and meta‐ Lancet Glob Health. 2023;11(9):e1345‐e1362.

  2. Working Group on the Evaluation of Carcinogenic Risks to Humans. Human papillomaviruses. IARC Monogr Eval Carcinog Risks Hum. 2007;90:1‐

  3. Boda D, Docea AO, Calina D, et al. Human papilloma virus: apprehending the link with carcinogenesis and unveiling new research avenues (Review). Int J Oncol. 2018;52(3):637–655.

  4. de Martel C, Plummer M, Vignat J, Franceschi S. Worldwide burden of cancer attributable to HPV by site, country and HPV type. Int J Cancer. 2017;141(4):664–670.

  5. Kwan T, et al. Prevention and treatment of human papillomavirus in men benefits both men and women. BMJ. 2023;381:e072832.

  6. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Genital HPV Infection – Fact Sheet [Internet]. Atlanta: CDC; 2023 [cited 2025 May 28]. Available from: https://www.cdc.gov/sti/about/about-genital-hpv-infection.html

  7. Garolla A, et al. Papillomavirus infection and male infertility: A systematic review. Health Sci Rep. 2024;7(3):e1536.

  8. Isaguliants M, Krasnyak S, Smirnova O, Colonna V, Apolikhin O, Buonaguro FM. Genetic instability and anti‐HPV immune response as drivers of infertility associated with HPV infection. Infect Agent Cancer. 2021;16(1):29.

  9. Giuliano AR, Palefsky JM, Goldstone S, Moreira ED Jr, Penny ME, Aranda C, et al. Efficacy of quadrivalent HPV vaccine against HPV infection and disease in males. N Engl J Med. 2011;364(5):401–11.

  10. Huh WK, Joura EA, Giuliano AR, Iversen OE, de Andrade RP, Ault KA, et al. Final efficacy, immunogenicity, and safety analyses of a nine-valent human papillomavirus vaccine in women aged 16–26 years: a randomised, double-blind trial. Lancet. 2017;390(10108):2143–59.

  11. Van Damme P, Meijer CJLM, Kieninger D, Schuyleman A, Thomas F, Luxembourg A, et al. A phase III clinical trial of immunogenicity and safety of a 9-valent human papillomavirus vaccine in males. Pediatr Infect Dis J. 2015;34(9):992–8.

  12. Ten years of human papillomavirus vaccination in the United States. J Infect Dis. 2016;214(12):1779–1786.

  13. Economic evaluation of HPV vaccination in developed countries. Vaccine. 2023;41(Suppl 1):A8–A15.

  14. World Health Organization. Human papillomavirus vaccines: WHO position paper, May 2017. Weekly Epidemiological Record. 2017;92(19):241–68.

  15. Stanley M. HPV vaccine for men: Where to now? Hum Vaccin Immunother. 2014;10(7):2109–2111.

Similar Posts